ไม่กี่วันที่ผ่านมา ผมมีโอกาสได้นั่งคุยกับอาจารย์ชิราอิชิ หลังฝึกเสร็จจึงขอมาเล่าสู่กันฟังครับ
อาจารย์ท่านเล่าว่าบูจินกันเป็นศิลปะการต่อสู้โบราณแต่ไม่โบราณ
โดยลักษณะการฝึกนั้นมีความคิดที่ไม่ให้ยึดติด วิชาของบูจินกันนั้น
ในการฝึกตามปรกติแล้วไม่ยึดติดในกาต้า หรือ พูดง่าย ๆ คือไม่ยึดติดในรูปแบบ
ถึงแม้จะมีกาต้ามาจากวิชาที่สืบทอดมาก็ตาม แต่กาต้าที่เรียนนั้นก็เป็นเพียงพื้นฐาน
แต่ที่สำคัญคือความคิด ที่สะสมมากว่า 900 ปีต่างหาก
เขียนเองยังอ่านแล้ว งง ๆ ขอขยายความแล้วกันครับ
ท่าเป็นของตาย แต่คนเป็นสิ่งที่เคลื่อนไหวได้
ถ้าใครเคยดูหนังจีนจะเห็นว่า แต่ละวิชาจะมีท่าที่เป็นลักษณะเฉพาะของตนเอง
ซึ่งในบูจินกันก็มีเช่นกัน ในแต่ละริว ๆ ทั้งเก้าริวของบูจินกันก็จะมีท่าเฉพาะตัวอยู่
ซึ่งมักถูกใช้ในการฝึกพื้นฐาน ในระดับการฝึกของผู้ฝึกระดับต้น
ก็ทำให้คนฝึกหลาย ๆ คนที่มุ่งหวังจะฝึกให้สำเร็จ ก็ถึงกับนั่งท่องท่าพวกนี้กันเลยทีเดียว
ซึ่งในการฝึกของนินจุสสุจริง ๆ แล้วเรื่องการท่องชื่อมันไม่สำคัญ
นินจุสสุ จึงไม่มีการสอบสายเพื่อขึ้นระดับสายสูงขึ้นด้วยท่าพวกนี้
จากความจริงที่ว่า ถ้านั่งท่องชื่อท่าไป หรือ สักแต่ว่าทำท่าตามที่เรียกไปก็ไม่ได้จะทำให้ผู้ฝึกพัฒนาดีขึ้น (เหมือนระบบการศึกษาบ้านเราที่นั่งท่องตำราเป็นนกแก้วนกขุนทอง)
แต่เน้นที่ความเข้าใจในแต่ละท่ามากกว่า การจำวิชาแต่ละท่าเป็นแพทเทิร์นจึงไม่จำเป็น
(เพราะถ้าอยากรู้เมื่อไรก็เปิดหนังสือดูซะ) แต่ก้ใช่ว่าจะไม่รู้เพราะต้องฝึกมาตั้งแต่การฝึกพื้นฐาน
แต่การไม่ยึดติดกับการไม่รู้นั้นต่างกัน คือต้องมีความรู้ในท่านั้น ๆ แต่ไม่ได้ใช้ได้เฉพาะที่ฝึก
เพราะโลกนั้นเปลี่ยนไปทุกวัน วิธีการต่อสู้วิธีคิดจะต้องนำสิ่งที่มีมาใช้ได้
ยกตัวอย่างในอดีตครั้งกลุ่มนินจาอิกะเข้ามารับใช้ โตกุกาวะ อิเยยาสุ
มีการจัดตั้งหน่วย hyakunin gumi เฮียกุนินกุมิ เป็นกองทหารที่มาจากกลุ่มนินจาอิกะและโคกะ
นอกจากแทคติคการต่อสู้แบบนินจาแล้ว อาวุธหลักของกองทหารนี้คือปืนยาวโบราณ
เป็นหลักฐานที่ชัดเจนว่านินจาก็มีการเปลี่ยนแปลงเข้ากับยุคสมัยอยู่เสมอ
การฝึกในปัจจุบันเช่นกัน การฝึกนินจุสสุจะฝึกให้คิดและวิเคราะห์อยู่เสมอ
การต่อสู้แบบนินจุสสุคือการสู้เมื่อไม่มีทางเลือกอื่น แต่เพื่อให้ภารกิจอยู่รอด
การสู้จนตัวตายก็ไม่ใช้ทางออกที่ดีที่สุดเพราะภารกิจด้านหลังก็จะจบไปด้วย
แต่เมื่อสู้ก็ต้องหาทางที่ดีที่สุดที่จะเอาชนะ
แนวคิดนี้เองทำให้นินจุสสุยังอยู่รอดจนทุกวันนี้
และยังทำให้การฝึกถูกนำไปใช้กับหน่วยงานปัจจุบันที่เห็นความสำคัญหลาย ๆ แห่ง
จนถึงปัจจุบันการฝึกที่ญี่ปุ่นมักมีการแชร์ประสบการณ์จากผู้ฝึกในหลากหลายอาชีพ
โดยผู้ฝึกที่ได้นำนินจุสสุไปประยุคใช้ในสถานการณ์จริงต่าง ๆ กัน
แม้กระทั่งเรื่องที่ดูง่าย ๆ อย่าง การเผชิญกับคนเมาในร้านอาหาร
ผู้ทำงานในร้านอาหารหากเจอคนเมาควรจะรับมืออย่างไรอย่างละมุนละม่อม
วิธีการอุ้ม การพยุง การควบคุม จะทำอย่างไร
ในบางครั้งก็เป็นสถานการณ์ที่ค่อนข้างแก้ไขยากอย่างสถานการณ์ช่วยตัวประกัน
และ การฝึกที่ปรกติมักไม่มีการคิดถึงกัน เช่น เจ้าหน้าที่ ๆ Air marshal
มีลักษณะการต่อสู้บนเครื่องบินที่เคลื่อนที่ยากหากเกิดเหตุการณ์ขึ้น เพราะทางเดินที่แคบ
ลักษณะของห้องโดยสารที่ไม่มีที่กว้างพอทำให้การเคลื่อนไหวต่อย เตะทั่วไปใช้งานยาก
การทุ่ม การปล้ำก็ลงไปทำได้ยาก หรือ หากเกิดการไฮแจ๊คขึ้น จริง ๆ จะมักมีผู้ร่วมก่อเหตุ
มากกว่าหนึ่งคนการต่อสู้ควรทำอย่างไร ไม่ใช่ใช่แต่กำลังตัดสิน
จนกระทั่งการต่อสู้ในสนามรบปัจจุบันที่ วิชานินจา หรือนินจุสสุนั้นถูกนำไปประยุกใช้
ในหลายหน่วยงานโดยเฉพาะในต่างประเทศ
สถานการณ์ต่าง ๆ สิ่งเหล่านี้เป็นขุมความรู้ของวิชานินจุสสุที่ถ่ายทอดต่อ ๆ กันมา
ด้วยการฝึกต่อ ๆ กันมา และ ยังถูกนำมาใช้ในปัจจุบัน