Tuesday, December 10, 2013

ไม่ต้องทำตนให้ดูน่ากลัว



ปัจจุบันนักศิลปะการต่อสู้จำนวนมากมักพยายามทำตัวให้ดูน่ากลัว ตั้งแต่ด้านร่างกาย เสื้อผ้า ทรงผม
หรือ กระทั่งเพิ่มรอยสัก รอยเจาะให้ตนเอง แต่ตั้งแต่อดีตมาไม่ว่านักรบ ผู้ฝึกนินจุสสุ หรือ นินจา
จะใช้แนวทางที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง สำหรับนักรบจริง ๆ ยิ่งไม่จำเป็นต้องตกแต่งแต่งเติมตัวเอง
เพราะยิ่งจะตกเป็นเป้าหมายของศัตรูมากขึ้น ยกตัวอย่างในสถานการณ์การรบในปัจจุบันชุดของทหารในสถานการณ์ที่เข้าสู่พื้นที่ ๆ ทำการรบบรรดาเครื่องหมายทั้งหลาย หรือ กระทั่งเครื่องหมายยศก็จะถูกพรางไปกับสีเสื้อเสียหมด จนแทบไม่เห็นความแตกต่างกับผู้บังคับบัญชากับทหารทั่วไป

ยิ่งในยุคสมัยของสงครามของญี่ปุ่นในอดีตที่มักจะมีการปลอมแปลงตนไปอยู่ท่ามกลางคนทั่วไป ก็ยิ่งไม่มีประโยชน์ที่จะทำตนให้ดูน่ากลัว เพราะเป็นอันตรายกับตัวมากกว่า ยิ่งการสักร่างกายเป็นลวดลายต่าง ๆ ตามที่นิยมกันในปัจจุบัน แทบจะเป็นสิ่งต้องห้ามของนินจาในสมัยก่อน เพราะเป็นการสร้างตำหนิที่ไม่สามารถลบได้จะเป็นจุดสังเกตที่ถูกสังเกตและจดจำได้โดยง่ายจากคนอื่น ๆ

เมื่อทำการปลอมแปลงร่างกาย นินจานั้นกล่าวกันว่ามักปลอมแปลงตัวเองไปในชุดและอาชีพที่ไม่สะดุดตา เช่น นักบวช หรือ พ่อค้า ที่สามารถเดินทางไปต่างถิ่นพร้อมพกพาอาวุธโดยที่คนไม่ดูแปลกแยก การทำตัวให้เป็นจุดเด่นหรือแสดงความเก่งกาจของตนเองยิ่งจะเป็นอันตรายกับตนเสียมากกว่า เพราะ คู่ต่อสู้หรืออีกฝ่ายจะทราบได้ง่าย ยิ่งอีกฝ่ายรู้ว่าเป็นนักรบที่มีฝีมือมากก็ยิ่งจะหาวิธีมาต่อสู้จนรับมือได้ยากขึ้น เช่น ใช้คนจำนวนมาก หรือเตรียมพร้อมด้านอาวุธมาใช้แทน อีกอย่างหนึ่ง คือ แน่นอนว่าสำหรับศัตรูแล้ว นักรบที่มีฝีมือแล้วดูเหมือนคนปรกติธรรมดาจนไม่มีใครรู้ว่าเป็นใครในหลายภารกิจนั้นน่ากลัวกว่านักรบที่มีฝีมือแต่เปิดเผยทุกอย่างให้คู่ต่อสู้รู้ว่าตนเป็นใคร อยู่ที่ไหน และ ใช้การต่อสู้แบบใด อย่างคำกล่าวที่ว่า "รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง" เมื่อไม่ว่าศัตรูเป็นใครก็ย่อมไม่รู้ว่าจะมีการต่อสู้แบบไหน และ รับมือแบบไหนดี

ผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้ ที่มีเป้าหมายในการฝึกฝนตนเองก็เช่นกัน ไม่จำเป็นต้องแสดงตนอวดหรือไม่ต้องไปบอกคนอื่นตนเองเก่ง ผมเคยคุยกับอาจารย์ชาวญี่ปุ่นบางท่าน ท่านก็ชี้ให้ดูถึงนิสัยของชาวต่างชาติที่มาเข้าฝึกหลายครั้งบางพฤติกรรมนั้นไม่ได้ดูสวยงามเลย เช่น การใส่เสื้อยืดของโรงฝึกไม่ว่าจะวิชาใด ๆ ของตนนอกโรงฝึก การใส่ชุดหรือสายเก่า ๆ เพื่อให้ดูว่าเป็นผู้ฝึกที่ฝึกมานานแล้ว และ การมาปั้นหน้ายืนเก๊กอยู่ในโรงฝึก จากในสายตาของผู้ฝึกอาวุโสจริง ๆ เวลามองเห็นคนทำแบบนี้แล้ว มันเหมือนดูเด็กนักเรียนที่พยายามทำให้ตัวเองดูเป็นผู้ใหญ่นั่นเอง