Thursday, August 8, 2013
ว่าด้วยเรื่องนินโปอีกครั้ง
ปัจจุบันเวลาพูดถึงนินจุสสุ ภาพพจน์ของนินจุสสุมักกลายเป็นคนละเรื่องกับความเป็นจริง
บ้างมองว่าป่าเถื่อนบ้าง โหดร้ายบ้าง เป็นนักฆ่าบ้าง บ้างมองเป็นยอดมนุษย์บ้าง
เพราะสื่อต่าง ๆ ที่ออกมาในรูปนั้น และ คนก็มักเชื่อแบบนั้นเสียด้วย
ตั้งแต่อดีตมาการต่อสู้ของนินโป หรือ นินจุสสุ ในความจริงแล้วกลับมองกลับกันเลยทีเดียว
ผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้แบบนินจุสสุหรือที่เราเรียกกันว่านินจานั้นไม่จำเป็น
ที่จะต้องเป็นผู้เชียวชาญด้านศิลปะการต่อสู้ แต่กลับเป็นผู้ที่เข้าใจถึงวิธีต่อสู้เสียมากกว่า
วิธีต่อสู้หมายถึงอะไร?
ในหนังสือตำราพิชัยสงครามซูนวูมีการพูดถึงการใช้ไฟ ซึ่งมีความหมายถึงการใช้สายลับ
แยกสายลับออกไปหลาย ๆ ประเภท ตำรานี้ก็มักเห็นมีเขียนอ้างถึงในตำราโบราณของญี่ปุ่น
มองจากในอดีตประวัติการใช้งานนินจาของญี่ปุ่นมีมานานมาก
ใช้ในทั้งยามสงบและสงคราม งานที่ทำมีหลากหลาย นินจาชื่อดังมีอยู่พอสมควร
แต่เมื่อมองดูลึก ๆ ในแต่ละคนแล้วมักไม่ได้โด่งดังจากการเป็นนักศิลปะการต่อสู้เท่าไรนัก
หลายคนดังด้านการเป็นนักยุทธศาสตร์ นักวางแผนการรบ
บ้างดังจากการขโมย บ้างดังจากการพยายามลอบสังหารคนสำคัญ
บ้างดังจากตำนานเล่าลือต่าง ๆ
เมื่อมองกันจริงๆ จะกลายเป็น นินจามีชีวิตอยู่เพื่อภารกิจต่างๆ มากกว่า
ศิลปะการต่อสู้เป็นส่วนประกอบหนึ่งๆ ของนินโปที่มีมาเพื่อเอาชีวิตรอดจากความตาย
ไม่ใช่เพื่อการต่อสู้เพียงเท่านั้น
หากมองในด้านการรบพุ่งสมัยก่อน
สำหรับนินจาความสำเร็จในของนินจาไม่ได้อยู่กับการเอาชนะการต่อสู้เสมอไป
เช่น บางส่วนของนินจาอาจจะต้องไปเข้าปะทะคู่ต่อสู้เพื่อดึงความสนใจ
ส่วนอีกฝ่ายนึงก็เข้าไปเผ่าเสบียงของคู่ต่อสู้ เมื่อภารกิจสำเร็จทั้งทีมก็ถือว่าทำงานได้สำเร็จ
การเอาตัวรอดถึงมีความสำคัญมาก
เพื่อที่จะเอาตัวรอดจากสถานการณ์ต่าง ๆ ทั้งการรบในสมัยก่อน
และ การศึกทั้งหลาย นินจาจึงต้องเรียนต้องฝึกศิลปะการต่อสู้จำนวนมาก
เพื่อให้มีความคล่องตัวในแต่ละสถานการณ์
รวมทั้งฝึกยุทธวิธีและกลยุทธต่าง ๆ อย่างในโตกาคุเระ ริว มี นินจา จูฮัคไค
ส่วนความชำนาณ..แน่นอนว่าจะขึ้นอยู่กับแต่ละคน
นิทานเรื่องนึงที่ผมชอบมาก เพราะ แสดงวิธีการต่อสู้แบบนินจุสสุ คือ
ในอดีตมีนักดาบคนหนึ่งที่ท้าประลองกับนินจาคนหนึ่ง โดยมีกำหนดการในอีกสัปดาห์หน้า
(โดยไม่รู้ว่าทราบหรือไม่ทราบว่าอีกฝ่ายเป็นนินจา)
สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อถึงวันประลองก็คือ มีเฉพาะนินจาที่มาสู้ลานประลอง
ส่วนนักดาบคนที่เป็นคนท้า กลับป่วยเป็นโรคปัจจุบันเสียชีวิตไปเสียก่อน...
คงไม่ต้องเล่าว่าโรคที่เกิดขึ้นเป็นเพราะอะไร
เคยมีรายการมาสัมภาษณ์อาจารย์มาซะอะกิว่า เวลาสอนวิชานินจานี่สอนอะไร
ท่านตอบง่าย ๆ ว่าท่านสอนวิธีเอาตัวรอดให้กับศิษย์
วิชาของโตกาคุเระ ริว นินโป โดดเด่นในเรื่องการเอาตัวรอด
ดังนั้นอาวุธที่ใช้ของสำนักนี้จะเห็นชัดคือ มีการใช้ ชูชิเคน, ไฟ, ควัน, กับดัก, ชูโกะ, ..
เพื่อที่จะใช้หลบหนีจากคู่ต่อสู้ และ หลบจากสายตาคู่ต่อสู้มากกว่าการปะทะซึ่งหน้า
ซึ่งถ้ามองจริง ๆ ลักษณะงานสายลับในสงคราม หากบุกไปหาคู่ต่อสู้ด้วยจำนวนน้อย
ถ้าจะบุกไปลุยสู้ซึ่ง ๆ หน้าแม้จะเก่งยังไงก็คงไม่รอด
แต่หากหลบรอดมีชีวิตรอดก็ยังสามารถสู้ต่อไปภายหน้าได้
นอกจากนั้นในนินโปเป็นการสอนให้คิดมากกว่าการทำตาม
เพราะการต่อสู้ไม่จำเป็นต้องสู้ตรง ๆ เสมอไป ครั้ง โตกาคุชิ ไดซุเกะ ผู้ก่อตั้งสำนักโตกาคุเระ
ถูกไล่ล่าจากตระกูลเฮะเค ในสงครามคุริคาระ ใช้กลยุทธหลอกอีกกองทัพศัตรูด้วยการใช้
ไฟผู้ติดกับเขาวัวแต่ละข้าง แล้วปล่อยวัวฝูงใหญ่พุ่งเข้าหาฝ่ายศัตรู
จนอีกฝ่ายต้องถอยร่น จนได้รับชัยชนะในที่สุด (ยุทธวิธีที่ใช้เชื่อว่ามาจากกลยุทธของจีนอีกทีหนึ่ง)
ในยุคสมัยของซามูไรและนักดาบ หลายครั้งที่เรื่องของการต่อสู้ไม่จำเป็นต้องต่อสู้
จะขอเล่าเรื่องของนักดาบในตำนานคนหนึ่งคือ ซีคาฮะระ โบคุเด็น
โบคุเด็น เป็นหนึ่งในยอดนักดาบในต้นยุคเซ็นโกคุ ที่ไม่เคยแพ้ใคร
ในการต่อสู้ทั้งในสนามรบและการประลองถึง 37 ครั้ง
ภายหลังมีชื่อเสียงเทียบเคียงมิยาโมโต มุซาชิ
แต่เมื่ออายุมากขึ้นท่านมองเห็นการต่อสู้เป็นเรื่องน่าเบื่อ และ หลีกเลี่ยงการใช้กำลังมากกว่า
ครั้งหนึ่งโบคุเด็นในอายุห้าสิบกว่าปี ถูกท้าประลองอย่างไร้มารยาทจากนักเลงคนหนึ่งบนเรือข้ามฟาก
นักเลงคนนั้นถามว่าโบคุเด็นใช้วิชาอะไร ซึ่งท่านตอบว่า วิชาของฉันต่างจากท่านมาก
ไม่ใช่วิชาที่จะถูกเอาชนะ และ ไม่ใช่วิชาที่ใช้เอาชนะ ชื่อวิชา Mutekatsu ryu (แปลว่า เอาชนะด้วยมือเปล่า)
นักเลงคนนั้นได้ยินก็สั่งให้นายท้ายนำเรือเทียบเกาะเล็ก ๆ เพื่อจะได้ประลองกัน
เมื่อใกล้ถึงฝั่งนักเลงกระโดดลงน้ำแล้วลุยขึ้นฝั่ง ส่วนโบคุเด็นก็เอาไม้จากนายท้าย
ยันเรือออกจากฝั่งไปสู้น้ำลึก ด้วยความตกใจนักเลงตะโกนโวยวายถาม
โบคุเด็นก็หัวเราะตะโกนกลับไปว่า นี่แหละวิชาไร้ดาบล่ะ
โบคุเด็นเป็นนักดาบในตำนานคนหนึ่งในไม่กี่คนที่มีชีวิตอยู่และเสียชีวิตเพราะความชรา
แต่นักดาบโดยมากอยู่ไม่ค่อยได้ถึงจุดนั้น
เป้าหมายของการฝึกบูจินกันในที่สุดแล้วดูได้จาก บทบัญญัติของโรงฝึก ในข้อสุดท้าย
"ความลับของไทจุสสุ คือ เข้าใจถึงที่มาของความสงบสุข"
และ "การฝึกเป็นหนทางเพื่อสร้างหัวใจที่ไม่สั่นไหว"
Bufu Ikkan!