Wednesday, August 21, 2013
Sakki test อีกประตูที่ต้องผ่านในการสอบสายดำขั้นที่ห้า
เดือนที่ผ่านมากลุ่มลูกศิษย์ของผมเดินทางมาญี่ปุ่นเพื่อนเข้าฝึกบูจินกันที่โรงฝึกฮอมบู
และ หนึ่งในนั้นที่ปัจจุบันครองสายดำอันดับที่สี่อยู่ก็ได้รับอนุญาติให้สอบสายดำระดับห้า
แล้วก็สามารถผ่านการสอบมาได้
ในวิชาบูจินกันนั้นจริง ๆ แล้วจะมีการสอบที่จริงจังที่สุดในระดับเดียว คือ สายดำขั้นที่ห้า
จะมีการสอบที่เรียกว่า sakki test ทำการสอบง่าย ๆ ด้วยการนั่งทำให้จิตว่าง และ
จะถูกดาบฟันจากด้านหลัง ผลดูง่าย ๆ ถ้าหลบได้ก็ผ่าน หลบไม่ได้ก็ตก
เป็นการวัดสัมผัสรับรู้ของผู้สอบ
โดยที่มาของการสอบนี้คือ ครั้งหนึ่งเมื่ออาจารย์มะซะอะกิ เข้าฝึกกับ อาจารย์ทากามะซึ
อาจารย์ทากามะซึให้อาจารย์มะซะอะกินั่งรอเงียบ ๆ อยู่ในห้อง เมื่อนั่งไปสักพักหนึ่ง
อาจารย์มะซะอะกิรู้สึกถึงอะไรบางอย่างจากด้านหลังทำให้ต้องกลิ้งหลบออกไป
แล้วจีงเห็นว่าเป็นอาจารย์ทากามะซึที่ยืนอยู่ข้างหลังพร้อมกับดาบในมือที่ฟันลงมาแล้ว
ในที่ ๆ อาจารย์มะซะอะกิเคยนั่งอยู่ ต่อมาอาจารย์มาซะอะกิจึงนำการสอบนี้มาใช้ทดสอบ
สายดำระดับหน้าของบูจินกัน ซึ่งเป้นสายสำคัญเนื่องจากผู้ที่ผ่านสายดำระดับห้าจะได้รับตำแหน่ง
ชิโดชิ (แปลว่า ผู้ชี้ทางในการต่อสู้) หรือ ตำแหน่งผู้ฝึกสอน เป็นอาจารย์ที่สามารถสอนบุคคลอื่น ๆ ได้
ความรู้สึกนั้นถึงแม้จับต้องไม่ได้ แต่ก็มีอยู่ในตัวมนุษย์ทุกคน
เช่น ความรู้สึกกระหาย รัก ชอบ โกรธ หิว ที่เป็นความรู้สึกพื้นฐานของมนุษย์
การฝึกสัมผัสรับรู้นั้นจะว่าไปก็มีอยู่ในทุกศิลปะการต่อสู้
นักศิลปะการต่อที่ฝึกมามาก ๆ บางครั้งคู่ต่อสู้กำลังจะขยับก็พอรู้ได้แล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้น
หรืออีกฝ่ายกำลังจะเตะพอเห็นก็ทราบแล้วว่าจะเตะ จะทำให้ขยับได้ก่อนอีกฝ่าย
หากมองในอดีตมนุษย์เองก็ต้องใช้สัมผัสนี้เพื่อการอยู่รอด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเอาตัวรอด
การหาอาหาร จนถึงกระทั่งการสงครามหลายครั้งอาจจะเรียกว่าความสังหรณ์ว่า
ศัตรูจะมากจากทางนี้ ๆ ซึ่งการรับรู้นั้นมาจากหลายปัจจัย
สัมผัสรับรู้นั้นปรกติแล้วมีอยู่ในทุกคน
ยกตัวอย่างเช่น บางทีเราจะรู้สึกว่ามีคนจ้องมีคนแอบมองอยู่ เมื่อหันไปก็พบคนมองอยู่จริง ๆ
ความรู้สึกว่าคน ๆ นั้นชอบเรา หรือ โกรธ เกลียดเรา
หรือ บางทีมีสิ่งของที่ลอยมาหาเราคนส่วนมากก็จะรู้สึกได้
โดยที่ไม่ต้องหันไปมอง บางคนสัมผัสได้บางคนสัมผัสไม่ได้
แต่หลายครั้งหลังจากสัมผัสได้ปฏิกิริยาโต้ตอบของคนทั่วไปอาจจะตอบสนองไม่ทัน
บางทีเห็นอยู่ตรงหน้าแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ยกตัวอย่าง เช่น
รถบางคันที่ชนโดยคนขับไม่แม้แต่จะแตะเบรคทั้ง ๆ ที่เห็นตรงหน้า
หรือ ครั้งหนึ่งเมื่อมีรายการมาถ่ายทำที่โรงฝึก พิธีกรขอเข้าร่วมฝึกด้วย
ขณะซ้อมเมื่อมีการซ้อมโดยใช้พลองฟาดไปที่หน้า พิธีกรคนนั้นก็ไม่แม้แต่จะขยับหน้าหนี
ซึ่งถ้าเป็นสถานการณ์จริงก็คงอาการหนักไปแล้ว
การสอบ sakki test นั้นไม่ง่าย และ ไม่ยาก ผู้ที่ควรจะสอบผ่านก็มักจะผ่าน
ผู้ที่ไม่ถึงเวลาที่จะสอบผ่านก็ไม่ผ่าน จะอยู่ที่การรับรู้ส่วนตัว
ซึ่งโดยมากหลังจากการผ่านการฝึกมาเป็นเวลานาน
ผู้ฝึกที่ได้รับการฝึกสม่ำเสมออย่างถูกทาง โดยตัวชิโดชิผู้สอนที่ถ่ายทอดการฝึกที่ถูกต้อง
ก็มักจะได้รับความรับรู้นี้ติดตัวมาได้
การสอบ sakki เป็นความรู้สึกส่วนตัวที่อธิบายให้คนทั่วไปทราบยาก
เหมือนกับ skill หลายอย่างในโลก เช่น ผลของการนั่งสมาธิในพุทธศาสนา
ที่คนที่จะรับรู้ผลได้ก็มีแต่ตัวเอง สิ่งที่ทำง่ายก็แค่ นั่งหลับตา
การรับความรู้สึกว่าดาบจะมา และ หลบออกไป บางคนอาจดูเหมือนง่ายว่า
อาจจะได้ยินเสียง รู้สึกว่ามีการขยับ หรือ นับรอจังหวะ
ซึ่งในความเป็นจริง ๆ แล้วในตอนสอบสิ่งพวกนั้นใช้ไม่ได้เลย
การฟันนั้นเริ่มจากท่าฟันระดับสูง เมื่อดาบฟาดลงมามีเวลาไม่ถึงครึ่งวินาทีทีจะรู้สึก
ถ้ามัวไปรอฟังอยู่ก็ไม่ทันแน่ ๆ เพราะ อาจารย์ที่ฟันก็เป็นนักดาบทั้งนั้น
เรื่องเสียงนั้นเรียกได้ว่าแทบไม่มี
และผู้สอบที่สอบผ่านโดยมากไม่ได้รอให้ดาบฟาดลงมาแล้ว แต่เริ่มขยับตั้งแต่ดาบเริ่มขยับ
หลายครั้งเคยมีที่บางคนมาสอบแล้วรับรู้ได้แล้วแต่ขยับไม่ได้ และ
เคยมีคนที่ช๊อคตรงที่สอบจนต้องเรียกรถพยาบาลด้วย
ในอดีตคนที่จะเข้าสอบสายดำขั้นห้าทุกคน จะได้รับการสอบจากอาจารย์มาซะอะกิ
ปัจจุบันอาจารย์มาซะอะกิเริ่มให้สายดำสายดำระดับสิบระดับคุ (ขั้นที่ 15) มาทำการสอบ
ซึ่งต้องอยู่ในสายตาของอาจารย์ระหว่างสอบเท่านั้น ดังนั้นจะมีแต่การสอบที่ญี่ปุ่นเท่านั้น
ปัจจุบันมีผู้สอบผ่านในระดับชิโดชิทั่วโลกประมาณสามพันคน
แต่ใช่ว่าการฝึกจะจบลงเมื่อขึ้นสู่สายดำขั้นที่ห้า แต่การสอบนี้เป็นเหมือนเปิดประตูอีกบาน
ที่วัดว่าผู้ฝึกสามารถรับการฝึกในระดับขั้นที่สูงขึ้นต่อไปได้ไหม ซึ่งจากประสบการณ์ส่วนตัว
หลังจากผ่านการสอบครั้งนี้แล้ว อาจารย์ก็เปิดแสดงให้เห็นโลกอีกใบที่ทำให้
โลกเหมือนพลิกหัวพลิกหางอีกครั้ง และ ต้องกลับไปเริ่มการฝึก
ทำความเข้าใจในวิชากันใหม่อีกครั้ง
Ninpo Ikkan!